หัวข้อการศึกษา การพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา ศุภิสรา พุ่มเจริญ
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ (ชะอำวิทยาคาร) 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ (ชะอำวิทยาคาร) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 1 ห้องเรียน ห้อง 2/2 มีผู้เรียน 24 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ได้แก่ รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตัวแปรตาม (Dependent Variables) ได้แก่ความสามารถทางทักษะการอ่าน และเขียนสะกดคำภาษาไทย และ ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย ใช้ระยะในการทดลองสอนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รวมทั้งสิ้น 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถการอ่าน คิดวิเคราะห์ และการเขียนภาษาไทย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 30 ข้อ สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระ ค่าดัชนีประสิทธิผล และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ (ชะอำวิทยาคาร) สาเหตุของปัญหาการอ่าน และเขียนภาษาไทย จากการสนทนากลุ่ม พบว่า มีสาเหตุมาจาก 3 ประการคือ ประการแรก คือ การจัดการเรียน การจัดกิจกรรม ขาดการสร้างบรรยากาศในการกระตุ้นให้นักเรียนมีทักษะการอ่าน และการเขียนภาษาไทย ขาดเทคนิคการสอนอ่าน และการสอนเขียนที่ทำให้นักเรียนสามารถอ่าน และเขียนภาษาไทย ประการที่สอง ด้านสื่อประกอบการสอนภาษาไทย พบว่า สื่อการสอนที่ใช้เทคโนโลยีร่วมกับการสอนและการทำกิจกรรมนั้นไม่มีการใช้เทคโนโลยีร่วม ทำให้การออกแบบการจัดการเรียนรู้ของครูไม่สามารถเชื่อมโยงกับสื่อการสอนที่ทันสมัย ทำให้นักเรียนไม่สามารถเข้าถึงสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประการสุดท้าย พบว่า นักเรียนอ่านและเขียนคำไม่ถูกต้อง ไม่เข้าใจความหมายของคำ ขาดความสนใจในการเรียนรู้ภาษาไทย ทำให้เกิดความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การสอนวิชาภาษาไทย และจากการสัมภาษณ์ครูสอนวิชาภาษาไทย พบว่า ครูมีความจำเป็นและมีความต้องการด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในทักษะการคิด เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิชาภาษาไทยที่เน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความคิดและการปฏิบัติด้วยตนเอง จากความต้องการดังกล่าวจึงทำให้เกิดพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
2.1 ได้รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีองค์ประกอบประกอบด้วย องค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือองค์ประกอบด้านหลักการและวัตถุประสงค์องค์ประกอบด้านกระบวนการและองค์ประกอบด้านเงื่อนไข และได้กระบวนการขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นสำรวจ (survey = s) 2) ขั้นทำความเข้าใจ (understand = u) 3) ขั้นสอน (pedagogy = p) 4) ขั้นมุ่งมั่นปฏิบัติ (intend = i) 5) ขั้นฝึกทักษะ (skill = s) 6) ขั้นประยุกต์ใช้ (apply = a) 7) ขั้นปรับปรุง (revamp = r) และ 8) ขั้นประเมินผล (assess = a)
2.2 ผลการพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 พบว่า ผลการทดลองแบบรายบุคคล มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 90.56/85.56 ผลการทดลองแบบกลุ่มเล็ก มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 89.72/72.78 และผลการทดลองแบบภาคสนาม มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 90.88/84.44 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 85.10/83.89 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3.2 ดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.68 ซึ่งหมายความว่านักเรียนที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น 0.68 หรือคิดเป็นร้อยละ 68.00
4. ผลการประเมินผลการใช้รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
4.1 คะแนนเฉลี่ยของความสามารถทางการอ่าน และเขียนสะกดคำภาษาไทย ก่อนเรียนมีคะแนนเท่ากับ 14.67 คะแนน และมีคะแนนหลังเรียนเท่ากับ 25.17 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนสอบทั้งสองครั้ง พบว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนหลังเรียน สูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาพรวมอยู่ในระดับมาก
ดาวน์โหลดบทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ Supisara Model เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน และการเขียนสะกดคำภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
Comments
- Advertisement -